Page 87 - JRISS_VOL1
P. 87

82  Journal of Ratchathani Innovative Social Sciences : Vol.1 No.1 April-June 2017

            อาจเป็นผู้ได้รับเช็คมาโดยตรงจากผู้สั่งจ่าย ซึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรียกว่า

            “ผู้รับเงิน” หรือเป็นผู้ได้รับสลักหลังโอนเช็คต่อๆมาและเป็นผู้ครอบครองเช็คไว้คนสุดท้าย
                      3.2 สิทธิของผู้ทรงเช็คที่จะดําเนินคดีอาญา หรือฟ้องเรียกให้ผู้สั่งจ่ายชําระเงินเป็น

            คดีแพ่งนั้น ผู้ทรงเช็คจะต้องยื่นเช็คธนาคารเพื่อให้ใช้เงิน และธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น
                      3.3 การออกเช็คที่จะเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

            พ.ศ.2534 จะต้องเป็นเช็คที่ออกมาเพื่อชําระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย กล่าวคือ

            เช็คจะต้องมีมูลหนี้รองรับและจะต้องเป็นหนี้ที่สามารถบังคับได้ตามกฎหมายด้วย หากเป็นเช็คที่
            ออกมาเพื่อรองรับมูลหนี้ที่ไม่สามารถเรียกร้องหรือบังคับได้ตามกฎหมาย แม้ว่าเช็คนั้นเมื่อผู้ทรง

            เช็คจะนําไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารแล้วถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน ย่อมไม่เป็นความผิดตาม
            พระราชบัญญัติดังกล่าว

                           ในส่วนกฎหมายแพ่งนั้น หากผู้ทรงเช็คเป็นผู้ได้รับเช็คโดยตรงจากผู้สั่งจ่ายหรือ

            ผู้รับเงิน และเป็นเช็คที่ออกมาเพื่อรองรับมูลหนี้ที่ไม่สามารถเรียกร้องหรือบังคับได้ตามกฎหมาย
            แล้ว ผู้ทรงเช็คย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ผู้สั่งจ่ายชําระหนี้ โดยถือว่าเป็นหนี้ที่ไม่ชอบด้วย

            กฎหมายหรือเป็นโมฆะ ผู้ทรงเช็คย่อมไม่มีสิทธิโดยชอบที่จะได้รับชําระหนี้นั้น

                           แต่หากผู้ทรงเช็คเป็นผู้ได้รับสลักหลังโอนเช็คต่อๆมาโดยสุจริตแล้ว ผู้ทรงเช็ค
            คนนี้ย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ที่จะได้รับ

            ชําระเงินตามตั๋วเงิน ดังนั้น ผู้สั่งจ่ายจะมาอ้างว่าในขณะออกเช็คเป็นการออกเช็ครองรับหนี้ที่ไม่
            ชอบด้วยกฎหมายเพื่อเป็นข้อต่อสู้ที่จะไม่รับผิดต่อผู้ทรงคนปัจจุบันไม่ได้

                    4. เมื่อเปรียบเทียบการดําเนินคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้

            เช็ค พ.ศ.2534 การดําเนินคดีแพ่งเพื่อเรียกให้ผู้สั่งจ่ายชําระเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
            พาณิชย์ และการดําเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ

            อาญาแล้ว พบว่า
                      4.1 การดําเนินคดีแพ่งเพื่อเรียกให้ผู้สั่งจ่ายชําระเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ

            พาณิชย์ ไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เนื่องจากไม่ใช่คดีแพ่งที่มีมูลหรือมีสาเหตุมาจากการ

            กระทําความผิดทางอาญาตามนัยคําพิพากษาศาลฎีกาที่ 1308/2533(ระบบสืบค้นคําพิพากษา

            คําสั่งคําร้องและคําวินิจฉัยศาลฎีกา, ม.ป.ป.)

                      4.2 การดําเนินคดีแพ่งเพื่อเรียกให้ผู้สั่งจ่ายชําระเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ

            พาณิชย์ ถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ หากเป็นการเรียกร้องให้ชําระเงินไม่เกิน 300,000 บาท ก็จะอยู่
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92