Page 90 - JRISS_VOL1
P. 90
Journal of Ratchathani Innovative Social Sciences : Vol.1 No.1 April-June 2017 85
40 บัญญัติให้การพิจารณาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่ง ซึ่งต้องพิจารณาพระธรรมนูญศาลยุติธรรมด้วย ทําให้การดําเนินคดีแพ่งที่มี
ทุนทรัพย์ไม่เกิน 300,000 บาท ก็จะอยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวง แต่หากเกิน
กว่า 300,000 บาท จะอยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลจังหวัดเช่นเดียวกับหลักของ
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 แต่หากเป็นการดําเนินคดีโดยพนักงาน
อัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 และ 44/1 แล้ว จะเห็นได้ว่า
แม้ว่าราคาทรัพย์ที่เรียกคืน หรือค่าเสียหายที่ทางผู้เสียหายเรียกร้องจะมีทุนทรัพย์เกินกว่าอํานาจ
ของผู้พิพากษานายเดียว หรือ 300,000 บาทก็ตาม ศาลที่พิจารณาคดีส่วนอาญาก็มีอํานาจ
พิจารณาพิพากษาคดีส่วนแพ่งต่อไปได้ ตามนัยคําพิพากษาศาลฎีกาที่ 4419/2528,
10197/2556 และ 8452/2556
ดังนั้น ผู้วิจัยจึงเห็นว่า ควรที่จะนําหลักการดําเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับ
คดีอาญาของพนักงานอัยการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 และ
44/1 และแนวคําพิพากษาศาลฎีกาข้างต้น มาปรับใช้กับคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอัน
เกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ในกรณีที่ผู้ทรงเช็คใช้สิทธิดําเนินคดีอาญาโดยพนักงานอัยการ
ด้วย และโดยให้ผู้ทรงเช็คยื่นคําร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาขอบังคับให้ผู้สั่งจ่ายในฐานะ
จําเลยชําระเงินตามเช็คที่เรียกร้องมาให้แก่ตน เช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 อันจะทําให้พนักงานอัยการมีอํานาจดําเนินคดีส่วนแพ่งให้กับ
ผู้ทรงเช็คในฐานะผู้เสียหายได้ และให้มีอํานาจเรียกร้องเงินตามเช็คได้โดยไม่ต้องติดปัญหาด้าน
ทุนทรัพย์ส่วนแพ่ง แม้ว่าจํานวนเงินในเช็คที่เรียกร้องมานั้นจะเกินกว่าอํานาจพิจารณาพิพากษา
ของผู้พิพากษานายเดียว แต่ในกรณีที่ผู้เสียหายใช้สิทธิฟ้องคดีอาญาเองและประสงค์ฟ้องคดีแพ่ง
เรียกร้องเงินตามเช็คเข้ามาในคดีอาญา ยังให้คงหลักการเดิมไว้ เพื่อมิให้ขัดกับคดีแพ่งเกี่ยวเนื่อง
กับคดีอาญากรณีอื่นๆ ที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 40 ซึ่งบัญญัติให้การ
พิจารณาคดีแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และพระ
ธรรมนูญศาลยุติธรรม