Page 86 - JRISS_VOL1
P. 86
Journal of Ratchathani Innovative Social Sciences : Vol.1 No.1 April-June 2017 81
- ความผิดสําเร็จ เมื่อผู้ทรงเช็คได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้า
ธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
หรือจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจํา
- เช็คนั้นเป็นเช็คที่ออกมาเพื่อชําระหนี้ที่มีอยู่จริง หรือเป็นเช็คที่มีมูลหนี้รองรับ และ
จะต้องเป็นหนี้ที่สามารถบังคับได้ตามกฎหมาย ดังนั้น หนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น หนี้ที่เกิด
จากการพนันขันต่อ หรือ เกิดจากนิติกรรมที่เป็นโมฆะ เช่น สัญญาจ้างวานฆ่า ซึ่งถือว่าเป็นนิติ
กรรมที่ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายและขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน แม้จะมีการออกเช็คเพื่อชําระหนี้ดังกล่าวแล้วต่อมาเช็คถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
ผู้สั่งจ่ายก็ไม่ต้องรับผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
ส่วนการดําเนินคดีอาญาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534
ก็เหมือนการดําเนินคดีอาญาความผิดอันยอมความได้ทั่วไป คือ ตัวผู้ทรงเช็คซึ่งถือว่าเป็น
ผู้เสียหายจากการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จะต้องแจ้งความร้องทุกข์ต่อ
พนักงานสอบสวน หรือฟ้องร้องคดีอาญาต่อศาล ภายในระยะเวลา 3 เดือนนับแต่รู้เรื่องและรู้ตัว
ผู้กระทําความผิด
2. การฟ้องร้องเรียกให้ผู้สั่งจ่ายชําระหนี้กรณีเช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน ตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น เมื่อเช็คถึงกําหนดชําระเงินผู้ทรงเช็คจะต้องดําเนินการยื่นเช็คแก่
ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินก่อน ตามมาตรา 990 หากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินผู้ทรงเช็คจึงจะมีสิทธิ
ที่จะเรียกร้องหรือไล่เบี้ยเอากับผู้สั่งจ่ายได้ ตามมาตรา 989 ประกอบมาตรา 914 และ 959
(ประทีป เฉลิมภัทรกุล, 2558)
ส่วนการดําเนินคดีแพ่ง โดยการฟ้องร้องเรียกให้ผู้สั่งจ่ายชําระหนี้กรณีเช็คถูกปฏิเสธ
การจ่ายเงินถือว่าตัวผู้ทรงเช็ค เป็นผู้ถูกกระทบสิทธิในทางแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ผู้ทรงเช็คจึงมีสิทธิที่จะเป็นโจทก์ฟ้อง ผู้สั่งจ่ายเช็คเป็นจําเลย
3. เมื่อเปรียบเทียบตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดอาญาตาม พ.ร.บ.ว่า
ด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 กับกฎหมายส่วนแพ่งของการฟ้องร้องให้ผู้สั่งจ่าย
ชําระหนี้กรณีเช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แล้ว พบว่ามี
องค์ประกอบที่คล้ายคลึงและแตกต่างกัน ดังนี้
3.1 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทํามีอยู่ 2 ฝ่าย คือ ผู้สั่งจ่ายเช็คที่ถูกธนาคารปฏิเสธ
การจ่ายเงินในฐานะผู้ถูกดําเนินคดี และผู้ทรงเช็คในฐานะผู้ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ผู้ทรงเช็ค