Page 8 - JRISS-vol.2-no2
P. 8

Journal of Ratchathani Innovative Social Sciences : Vol.2 No.2 April-June 2018   3

                ในการทํางานก็ได ดังนั้นการทําความเขาใจและสามารถจัดการความขัดแยงไดดีจะสงเสริม
                ประสิทธิผลในการทํางานของทีมยิ่งขึ้น

                        คูมือการจัดการความขัดแยงของ Centre for Multiparty Democracy (2016)
                กลาวถึงความขัดแยงวาเปนเรื่องปกติของการอยูและทํางานรวมกันของบุคคล และเกิดขึ้นใน
                ทุกสังคมมาตั้งแตเรามีมนุษยอาศัยอยูบนโลกใบนี้ ความขัดแยงเกิดขึ้นจากปฏิบัติสัมพันธ
                ระหวางบุคคลหรือกลุมบุคคลตั้งแตสองคน หรือสองกลุมขึ้นไป  อันเนื่องมาจากฝายใดฝาย
                หนึ่งเห็นตางในสิ่งที่เปนอยู ไมวาจะเปนความตางในเรื่องที่คิด แนวคิด การรับรู ความเชื่อ

                หรือความรูสึก เหลานี้จะนํามาซึ่งความขัดแยงไดเสมอ เมื่อความขัดแยงเกิดขึ้น ความสัมพันธ
                ระหวางบุคคล หรือกลุมบุคคลจะไมเหมือนเดิมอีกตอไป ดังนั้นจึงมีความจําเปนที่ตองมีการ
                เปลี่ยนแปลง ดังคํากลาวที่วา ที่ใดไมมีความขัดแยงที่นั่นยอมไมมีการเปลี่ยนแปลงCentre for

                Multiparty Democracy ชี้วาความขัดแยงกับความรุนแรงไมใชสิ่งเดียวกัน แตความรุนแรง
                มักจะเปนการแสดงออกของความขัดแยงรูปแบบหนึ่งอันเนื่องมาจาก
                        1.  คูความขัดแยงที่มีอํานาจเหนือกวามักจะใชความรุนแรงเพื่อสยบคูกรณี
                        2.  เปนทางเลือกที่คูขัดแยงที่ออนแอกวาอาจจะเลือกใชถาเขาไมเห็นทางออกอื่นที่

                           ดีกวา
                        3.  เมื่อคูกรณีทั้งสองฝายไมมีทางเลือกอื่นที่จะแกปญหา [หรือไมอยากใชทางอื่นใน
                                       2
                           การแกปญหา]1
                        4.  เปนพัฒนาการของพลวัตรของความขัดแยงแบบหนึ่งเมื่อความรุนแรงเริ่มตน

                           และรุนแรงมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
                        5.  เปนเสนทางยอนศรคูกรณีเพื่อสรางความชอบธรรมทางนิตินัยใหฝายของตน

                        Kohirieser (2007) นิยามความขัดแยงวาเกิดขึ้นจากความแตกตางระหวางบุคคล

                หรือกลุมบุคคลตั้งแตสองคนขึ้นไป โดยปรากฏอาการสําคัญคือ ความตึงเครียด ความไมลง
                รอยกัน ไมสบอารมณกัน หรือ อยูคนละขั้วกัน ซึ่งทําใหความสัมพันธระหวางกันขาดสะบั้นลง
                        โดยสรุปแลวความขัดแยงเกิดขึ้นจากความแตกตางในการคิดหรือทําของบุคคลหรือ

                กลุมบุคคลตั้งแตสองคนหรือสองกลุมขึ้นไป อันเนื่องมาจากความตองการแตกตางกัน ซึ่ง
                อาจจะเกิดความคิด ความเชื่อ คานิยม อุดมคติ ประสบการณ หรือจุดหมายทั้งเปดเผยหรือ
                ซอนเรนที่แตกตางกัน ความจริงแลวความขัดแยงเปนสัญญาณที่ดีมากกวาไมดี เพราะเปน
                อาการที่แสดงใหเห็นวาสิ่งที่เปนอยูตองไดรับการเปลี่ยนแปลง แตความไมเขาใจถึงแกนความ
                ขัดแยง หรือการมีจุดหมายซอนเรน จึงเห็นวาความขัดแยงเปนปญหา เพราะเรามักจะเห็น

                ความขัดแยงนําไปสูการทะเลาะเบาะแวง หรือทํารายกัน ทั้ง ๆ ที่ความขัดแยงไมใชความ
                รุนแรง แมวาความรุนแรงอาจจะเปนผลจากความขัดแยงก็ตาม


                2  ขอความในวงเล็บ [ ] เปนความเห็นของผูเขียน
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13