Page 52 - JRISS-vol.1-no.3
P. 52
Journal of Ratchathani Innovative Social Sciences : Vol.1 No.3 October-December 2017 47
บทคัดย่อ) ที่ได้ทําการวิจัย เรื่อง แนวทางการพัฒนาการใช้อํานาจของผู้บริหารโรงเรียน สังกัด
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาควร
พัฒนาการใช้อํานาจอ้างอิงให้เหมาะสม
3.5 ด้านอํานาจข่าวสาร ผลการวิจัยพบว่าผู้บริหารควรพัฒนาในประเด็นต่อไปนี้
คือ การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา การนิเทศการศึกษา การแนะแนว
การศึกษา การส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่ชุมชน การวางแผนอัตรากําลังและการกําหนด
ตําแหน่ง การส่งเสริมประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ งานพัฒนาระบบและเครือข่ายข้อมูล
สารสนเทศ การประสานและพัฒนาเครือข่ายการศึกษา งานเทคโนโลยีสารสนเทศ การ
ประชาสัมพันธ์งานการศึกษา การส่งเสริมสนับสนุนและประสานงานการศึกษาของบุคคล
ชุมชนองค์กร หน่วยงาน และสถาบัน สังคมอื่นที่จัดการศึกษางานประสานราชการกับเขต
พื้นที่และหน่วยงานอื่น การจัดทําและเสนอของบประมาณ การจัดสรรงบประมาณการ
ตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้เงินและผลการดําเนินงาน จาก
ผลการวิจัยดังกล่าวเห็นว่า แนวทางการพัฒนาการใช้อํานาจของผู้บริหารสถานศึกษาเป็น
แนวทางที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ อัสมาดี เจะอาแซ ดิลก (2558 : บทคัดย่อ) ที่ได้ทํา
การวิจัย เรื่อง การพัฒนาเกี่ยวกับการใช้อํานาจของผู้บริหารสถานศึกษา ศูนย์เครือข่ายยะรัง
อําเภอยะรัง สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 2 ผลการวิจัยพบว่า
ผู้บริหารควรใข้อํานาจข่าวให้เมาะสม โดยต้องมีการวางแผนในการทํางานอย่างเป็นระบบ ควร
ติดตามงานอย่างต่อเนื่อง ควรกระจายอํานาจในการทํางาน ควรเคารพความคิดของครูและยึด
มติที่ประชุมในการทํางาน ควรให้ข้อมูลที่ทันสมัยแก่ครู เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการ
ตัดสินใจ และควรมีการทํางานร่วมกันภายในศูนย์เครือข่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม
ข้อเสนอแนะ
การศึกษาวิจัยเรื่อง ความคิดเห็นต่อการใช้อํานาจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะที่ค้นพบจากการวิจัย
ดังต่อไปนี้
1. ข้อเสนอแนะสําหรับการนําผลการวิจัยไปใช้
1.1 ด้านอํานาจความเชี่ยวชาญ ผู้บริหารมีการใช้อํานาจได้ดีแล้วและควรพัฒนา
ให้ดียิ่งขึ้น คือ การวินิจฉัยสั่งการให้ครูและบุคลากรในโรงเรียนร่วมกันตรวจสอบติดตามและ
รายงานการใช้งบประมาณโดยยึดแนวทางในสิ่งที่ตนเองมีความรู้ความสามารถและความถนัด
การวินิจฉัยสั่งการให้ครูและบุคลากรในโรงเรียนร่วมกันพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในและ
มาตรฐานการศึกษาโดยยึดแนวทางในสิ่งที่ตนเองมีความรู้ความสามารถและความถนัด และ
การวินิจฉัยสั่งการให้ครูและบุคลากรในโรงเรียนร่วมกันจัดทําแผนงบประมาณและคําขอตั้ง
งบประมาณโดยยึดแนวทางในสิ่งที่ตนเองมีความรู้ความสามารถและความถนัด ส่วนการใช้
