Page 61 - JRIHS VOL3 NO1 January - March 2019
P. 61
56 Journal of Ratchathani Innovative Health Sciences : Vol.3 No.1 January-March 2019
2. การเตรียมตัวของผูสอบ มีความสัมพันธกับผลการสอบประเมินความรูเพื่อขึ้น
ทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภชั้นหนึ่ง
3. การจัดการเรียนการสอน มีความสัมพันธกับผลการสอบประเมินความรูเพื่อขึ้น
ทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภชั้นหนึ่ง
4. ความชวยเหลือจากอาจารยและมหาวิทยาลัยมีความสัมพันธกับผลการสอบประเมิน
ความรูเพื่อขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภชั้นหนึ่ง
5. ผลการสอบรวบยอด มีความสัมพันธกับผลการสอบขึ้นทะเบียนเปนผูประกอบ
วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภชั้นหนึ่งของบัณฑิตคณะพยาบาลศาสตร มหาวิทยาลัยราช
ธานี จังหวัดอุบลราชธานี
วิธีดําเนินการวิจัย
การศึกษาครั้งนี้เปนการวิจัยเชิงพรรณาแบบหาความสัมพันธ (Correlational Design)
เพื่อศึกษาปจจัยที่มีความสัมพันธกับผลการสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการ
พยาบาลในการสอบครั้งแรกของบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชธานีโดยมีวิธีการดําเนินการวิจัย
ดังตอไปนี้
ลักษณะประชากรและการเลือกกลุมตัวอยาง
ประชากรที่ศึกษา คือ ผูสําเร็จการศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต จาก
มหาวิทยาลัยราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ปการศึกษา 2561 ที่สมัครสอบขอขึ้นทะเบียนรับ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภชั้นหนึ่ง จํานวน 154 คน
กลุมตัวอยาง คือ ผูสําเร็จการศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต รุนที่ 20 ป
การศึกษา 2561 ของมหาวิทยาลัยราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ที่สอบขอขึ้นทะเบียนรับ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภชั้นหนึ่งจํานวน 121 คน กําหนดขนาด
โดยใชตารางสําเร็จรูปของ Krejcie and Morgan (1970) สุมตัวอยางแบบงาย ( Simple
Random Sampling ) ดวยวิธีการจับฉลากการสุมแบบไมใสคืน (Sampling without
Replacement)
เกณฑการคัดเลือกกลุมตัวอยาง (Inclusion criteria) ผูวิจัยกําหนดเกณฑในการ
คัดเลือกกลุมตัวอยาง ดังตอไปนี้
1. เปนผูสําเร็จการศึกษาตามระยะเวลาที่หลักสูตรกําหนดของคณะพยาบาลศาสตร
มหาวิทยาลัยราชธานี ปการศึกษา 2561
2. มีหนวยกิต ครบตามกําหนดตลอดหลักสูตรการศึกษา
3. เปนผูสมัครสอบขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตเปนผูประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ
การผดุงครรภ