Page 61 - JRIHS VOL2 NO2 April-June 2018
P. 61

56  Journal of Ratchathani Innovative Health Sciences :  Vol.2 No.2 April-June 2018

             ผูสูงอายุ อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 และจากการศึกษาของสุเทพ ธรรมะตระกูล
             (2552) เรื่องการวิจัยและพัฒนาการสงเสริมสุขภาพผูสูงอายุในจังหวัดเพชรบูรณ พบวาการเขา

             รับการอบรมใหความรูการดูแลสงเสริมสุขภาพ ทําใหผูสูงอายุมีพฤติกรรมในการสงเสริมสุขภาพ
             ที่ดีขึ้น แสดงใหเห็นวาผูสูงอายุที่มีความรูเกี่ยวกับอุบัติเหตุและการปองกันมากก็จะทําใหมี
             พฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุที่ถูกตองสูงขึ้นดวย สอดคลองกับความหมายของพฤติกรรม
             สุขภาพดานความรูหรือพุทธิพิสัย (Cognitive domain) เกี่ยวของกับความรู ความจํา ขอเท็จจริง
             การพัฒนาความสามารถ ทักษะทางสติปญญา การใชวิจารณญาณเพื่อประกอบการตัดสินใจ

             พฤติกรรมดานนี้เริ่มตนจากความรูระดับตาง ๆ และเพิ่มการใชความคิดและพัฒนาสติปญญา
             เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เห็นไดจากผลการศึกษาครั้งนี้พบวาผูสูงอายุสวนใหญมีความรูเกี่ยวกับอุบัติเหตุ
             และการปองกันอุบัติเหตุอยูในระดับสูง รอยละ 85.2 และมีพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุ

             โดยรวมของผูสูงอายุอยูในระดับมาก (̅= 2.596, S.D. = 0.651) เชนเดียวกัน
                     การรับรูภาวะสุขภาพและการยอมรับการเปลี่ยนแปลงของรางกาย มีความสัมพันธ
             ทางบวกกับพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุ อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (r =.204) ซึ่ง
             ยอมรับสมมติฐานขอที่ 2 แสดงวาผูสูงอายุในจังหวัดอุบลราชธานีที่มีการรับรูภาวะสุขภาพและ

             การยอมรับการเปลี่ยนแปลงของรางกาย จะมีแนวโนมของพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุที่สูงขึ้น
             ดวย สอดคลองกับการศึกษาของมนพัทธ อารัมภวิโรจน (2557) เรื่องความสัมพันธระหวางระดับ
             ความรูของผูปวยเกี่ยวกับภาวะเสี่ยง และความรุนแรงของโรคกระดูกพรุนกับพฤติกรรมปองกัน

             ภาวะกระดูกพรุนในกลุมเสี่ยงพื้นที่ 5 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบวาการรับรูภาวะเสี่ยง
             มีความสัมพันธทางบวกในระดับสูงกับพฤติกรรมการปองกันโรคกระดูกพรุนของผูสูงอายุในภาค
             ตะวันออกเฉียงเหนืออยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (r = .633) แสดงใหเห็นวาการรับรู
             ดานสุขภาพจะเปนแรงจูงใจที่จะทําใหเกิดการปฏิบัติพฤติกรรมในทางดานบวกเพื่อที่จะใหมี
             ภาวะสุขภาพดีขึ้น และเปนองคประกอบทางจิตวิทยาที่มีอิทธิพลตอพฤติกรรมของบุคคล ทําให

             บุคคลมีการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพอยางจริงจัง (Pender, 1996)
                     การสนับสนุนของครอบครัว มีความสัมพันธทางบวกกับพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุ
             อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (r =.387)  ซึ่งยอมรับสมมติฐานขอที่ 2 แสดงวาการ

             สนับสนุนของครอบครัวมีสวนสําคัญที่จะทําใหผูสูงอายุมีพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุที่ดีขึ้น
             โดยเฉพาะอยางยิ่งจากผลการศึกษาการสนับสนุนทางดานอารมณ (Emotional Support) มี
             คะแนนเฉลี่ยมากที่สุด (̅ = 2.903, S.D.=0.354) คือการยอมรับนับถือและใหความสําคัญใน
             การตัดสินใจ ความหวงใย และการกระตุนเตือนจากบุคคลในครอบครัว ทําใหผูสูงอายุรูสึกวา

             ไดรับความเอาใจใสหรือความรัก สงเสริมใหเกิดความมั่นใจ มีพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุที่ดี
             ขึ้นได สอดคลองกับงานวิจัยของพรทิพย มาลาธรรม (2552) ศึกษาการความสัมพันธระหวางแรง
             สนับสนุนจากครอบครัวและแรงสนับสนุนจากเพื่อนกับความพึงพอใจในชีวิตของผูสูงอายุใน

             ชนบท จังหวัดฉะเชิงเทรา พบวาการใหแรงสนับสนุนแกผูสูงอายุของครอบครัวและการรับรูแรง
   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66