Page 60 - JRIHS VOL2 NO2 April-June 2018
P. 60
Journal of Ratchathani Innovative Health Sciences : Vol.2 No.2 April-June 2018 55
ผูสูงอายุที่ไมมีโรคประจําตัวและมีโรคประจําตัวไดรับความรูและมีพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุ
ไมแตกตางกัน
กิจกรรมประจําวัน ผูสูงอายุที่มีกิจกรรมประจําวันตางกัน มีพฤติกรรมการปองกัน
อุบัติเหตุแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งยอมรับสมมติฐานขอที่ 1 โดย
ผูสูงอายุที่มีกิจกรรมประจําวันทํางานบาน มีพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุแตกตางกับผูสูงอายุที่
มีกิจกรรมประจําวัน อยูบานเฉยๆ เลี้ยงหลาน ประกอบอาชีพมีรายได ไปพบปะสังคมนอกบาน
และผูสูงอายุที่มีกิจกรรมประจําวันทํางานบานมีระดับพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุที่ดีที่สุด (̅
= 2.899, S.D.=0.165) นอกนั้นไมพบความแตกตาง ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากผูสูงอายุสวนใหญเปน
เพศหญิงรอยละ 60 ที่ยังทํางานบานและทํากิจกรรมตาง ๆ ภายในบานดวยตนเองอยาง
สม่ําเสมอ ทําใหเกิดความรูและทักษะการปฏิบัติที่ถูกตองปลอดภัยและปองกันการเกิดอุบัติเหตุ
อยางตอเนื่องจนเกิดพฤติกรรมดานทักษะพิสัย (Phychomotor domain) คือพฤติกรรมการ
ปฏิบัติที่บุคคลแสดงออกมาเกี่ยวกับการใชความสามารถที่แสดงออกมาทางรางกายและ
สังเกตเห็นได พฤติกรรมการปฏิบัติเปนพฤติกรรมขั้นสุดทายที่จะชวยใหบุคคลมีสุขภาพดี จาก
เหตุผลดังกลาวจึงสงผลใหผูสูงอายุที่มีกิจกรรมประจําวันทํางานบานมีพฤติกรรมการปองกัน
อุบัติเหตุที่ดีที่สุดและแตกตางกันกับผูสูงอายุที่มีกิจกรรมประจําวันอื่น ๆ
ประสบการณการเกิดอุบัติเหตุ ผูสูงอายุที่มีประสบการณการเกิดอุบัติเหตุและไมมี
ประสบการณการเกิดอุบัติเหตุ มีพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุไมแตกตางกัน (p>0.05) ซึ่ง
ปฏิเสธสมมติฐานขอ 1 ผลการศึกษาพบวา ผูสูงอายุสวนใหญไมเคยมีประสบการณการเกิด
อุบัติเหตุรอยละ 52.1 และมีความรูเกี่ยวกับอุบัติเหตุและการปองกันอุบัติเหตุอยูในระดับสูงรอย
ละ 85.2 จึงทําใหผูสูงอายุมีความระมัดระวังในการปองกันตนเองจากอุบัติเหตุไดถูกตอง ไมวาจะ
เคยมีประสบการณ การเกิดอุบัติเหตุและไมมีประสบการณการเกิดอุบัติเหตุ สงผลใหมี
พฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุไมแตกตางกัน ซึ่งไมสอดคลองกับงานวิจัยของธนวรรษน สํากําปง
(2557) ที่ศึกษาปจจัยที่มีความสัมพันธกับการเกิดอุบัติเหตุในผูสูงอายุจังหวัดขอนแกน พบวา
ปจจัยประวัติการเคยเกิดอุบัติเหตุมีความสัมพันธกับการเกิดอุบัติเหตุอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ
โดยการมีประวัติเคยหกลมมีความสัมพันธกับการหกลมสูงเปน 2.4 เทาของผูที่ไมมีประวัติเคยหก
ลม เนื่องจากผูสูงอายุที่มีประวัติเคยเกิดอุบัติเหตุหกลมจะหมดความมั่นใจในการเดินหรือการทํา
กิจกรรมอื่น ๆ เรียกภาวะนี้วาภาวะความกลัวการหกลม ซึ่งเปนปจจัยที่มีอิทธิพลตอ
ความสามารถในการเคลื่อนที่สงผลใหความสามารถในการทรงตัวลดลง นําไปสูการเกิดอุบัติเหตุ
หกลมไดงายขึ้น
ความรูเกี่ยวกับอุบัติเหตุและการปองกัน มีความสัมพันธทางบวกกับพฤติกรรมการ
ปองกันอุบัติเหตุอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (r = .411) ซึ่งยอมรับสมมติฐานขอที่ 2
สอดคลองกับการศึกษาของ ฐิติมา คุมสืบสาย (2550) ศึกษาพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุของ
ผูสูงอายุจังหวัดนครปฐม พบวาความรูมีความสัมพันธกับพฤติกรรมการปองกันอุบัติเหตุของ