Page 77 - JRISS_VOL1
P. 77

72  Journal of Ratchathani Innovative Social Sciences : Vol.1 No.1 April-June 2017

            ดําเนินคดีกับผู้สั่งจ่ายเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นคดีอาญา เพื่อบีบบังคับให้ผู้สั่งจ่ายชําระเงิน

            ในระหว่างถูกฟ้อง เนื่องจากผู้สั่งจ่ายมีความเสี่ยงที่จะได้รับโทษจําคุก หรือแม้แต่ว่าตนบริสุทธิ์
            หากศาลมีคําสั่งประทับรับฟ้องแล้ว ผู้สั่งจ่ายในฐานะจําเลยย่อมต้องหาหลักทรัพย์มาประกันตัว

            ระหว่างสู้คดีอาญาด้วย ซึ่งเมื่อผู้สั่งจ่ายชําระเงินครบถ้วนแล้วผู้ทรงเช็คหรือโจทก์ก็จะดําเนินการ
            ถอนฟ้องคดีอาญาออกไป แต่ในกรณีที่มูลหนี้ในเช็คมีจํานวนมาก หากผู้ทรงเช็คเลือกฟ้อง

            คดีอาญาเพียงอย่างเดียวแล้วผู้สั่งจ่ายหลบหนีคดีอาญาไม่มาสู้คดี คดีอาญาก็ไม่สามารถ

            ดําเนินคดีต่อไปได้เนื่องจากคดีอาญามีหลักการที่สําคัญว่า ต้องพิจารณาคดีต่อหน้าจําเลย ต่างกับ
            คดีแพ่งที่สามารถพิจารณาคดีลับหลังจําเลยได้ โดยใช้กระบวนพิจารณาคดีโดยการขาดนัด ดังนั้น

            การดําเนินคดีแพ่งและคดีอาญากับผู้สั่งจ่ายเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงมีความสําคัญเท่า
            เทียมกัน

                      แต่อย่างไรก็ตาม การดําเนินคดีอาญากับผู้สั่งจ่ายเช็คตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอัน

            เกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 กับการดําเนินคดีแพ่งเพื่อเรียกให้ผู้สั่งจ่ายชําระเงินตามเช็ค ตาม
            ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ในข้อเท็จจริงเดียวกัน ผู้ทรงเช็คจะดําเนินคดีอาญาและ

            คดีแพ่งไปพร้อมกันเป็นคดีเดียวกันได้เฉพาะกรณีที่จํานวนเงินในเช็คที่ฟ้องร้องมาในคดีนั้นไม่เกิน

            300,000 บาท ทั้งนี้ ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวประกอบพระธรรมนูญศาล
            ยุติธรรม โดยสามารถดําเนินคดีได้ที่ศาลแขวง แต่หากจํานวนเงินในเช็คแต่ละฉบับหรือหลาย

            ฉบับที่ฟ้องร้องรวมกันมาเรียกเงินจํานวนเกินกว่า 300,000 บาทแล้ว จะต้องดําเนินคดีส่วน
            อาญาและแพ่งแยกออกจากกัน ไม่ว่าจะดําเนินคดีอาญาโดยผู้เสียหายเป็นผู้ฟ้องเองหรือพนักงาน

            อัยการเป็นโจทก์ให้ โดยคดีอาญาจะฟ้องต่อศาลแขวงและคดีแพ่งฟ้องต่อศาลจังหวัด ทั้งที่คู่ความ

            และพยานหลักฐานเป็นชุดเดียวกัน ก่อให้เกิดภาระของคู่ความ พยาน ศาล และเจ้าหน้าที่
            กระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องจะต้องดําเนินคดีซ้ํากันสองครั้ง ซึ่งผลของคําพิพากษาใน

            คดีอาญาและในคดีแพ่งอาจไม่สอดคล้องกัน
                    2. วัตถุประสงค์ของการศึกษา

                      1.  เพื่อศึกษาถึงองค์ประกอบความผิดอาญาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจาก

            การใช้เช็ค พ.ศ.2534 ซึ่งบัญญัติให้กรณีผู้สั่งจ่ายออกเช็คแล้วธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค
            เป็นความผิดทางอาญา และหลักเกณฑ์การดําเนินคดีอาญาดังกล่าว

                      2.  เพื่อศึกษาถึงหลักเกณฑ์ทางกฎหมายส่วนแพ่งของการฟ้องร้องเรียกให้ผู้สั่งจ่าย

            ชําระหนี้กรณีเช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และหลักเกณฑ์
            การดําเนินคดีแพ่งดังกล่าว
   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82