Page 62 - JRIHS VOL2 NO3 July-September 2018
P. 62
Journal of Ratchathani Innovative Health Sciences : Vol.2 No.-3 July-September 2018 57
ชีวิตประจําวันที่เสี่ยงตอการเกิดขอเขาเสื่อมมากกวาเพศชาย เชน การทํางานบาน การนั่งพับ
เพียบ การนั่งยอง ๆ นั่งขัดสมาธิ และเพศหญิงเมื่ออยูในวัยที่หมดประจําเดือนทําใหขาดฮอรโมน
เอสโตรเจน ซึ่งเปนสาเหตุของการเสื่อมของขอเขา สอดคลองกับการศึกษาของยุวดี สารบูรณ
(2557) ที่พบวาเพศหญิงและเพศชายมีโอกาสที่จะเกิดโรคขอเขาเสื่อมเทาเทียมกัน เพราะเพศชายก็
มีกิจกรรมในชีวิตประจําวันที่เสี่ยงตอการเกิดขอเขาเสื่อมไดเชนกันจะเห็นไดจากกิจกรรมที่ตองใช
แรงของขอเขา เชน การแบกของหนัก การเลนกีฬาที่มีการปะทะ ไดแก ฟุตบอล มวย เปนตน ดังนั้น
ไมวาจะเปนเพศหญิงหรือชายก็มีโอกาสเกิดโรคขอเขาเสื่อมไดเทาเทียมกัน
อายุ ไมมีความสัมพันธกับพฤติกรรมการปองกันโรคขอเขาเสื่อมของผูสูงอายุในชุมชนบาน
ทาบอ ตําบลแจระแม อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ผูวิจัยเห็นวา การศึกษาในครั้งนี้กลุม
ตัวอยางเปนผูสูงอายุซึ่งอยูในวัยที่รางกายเสื่อมโทรม เนื้อเยื่อรอบขอไมแข็งแรง เสนเอ็นหยอนยาน
ขอตอหลวมไมมั่นคง (นงพิมล นิมิตรอานันท, 2557) จึงทําใหเสี่ยงตอการเกิดขอเขาเสื่อม
มากกวาวัยหนุมสาว สอดคลองกับการศึกษาของนงพิมล นิมิตรอานันท (2561) ที่พบวาโรคขอ
เสื่อมพบในผูสูงอายุมากกวาคนวัยหนุมสาว
BMI ไมมีความสัมพันธกับพฤติกรรมการปองกันโรคขอเขาเสื่อมของผูสูงอายุในชุมชน
บานทาบอ ตําบลแจระแม อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ผูวิจัยเห็นวา ไมวาจะมีระดับดัชนี
มวลกายอยูในระดับนอยหรือมากก็มีโอกาสเกิดโรคขอเขาเสื่อมไดเหมือนกัน เพราะปจจัยเสี่ยงตอ
การเกิดขอเขาเสื่อมนั้นไมไดมาจากการมีน้ําหนักตัวมากเพียงอยางเดียว แตมีปจจัยอื่น ๆ อีกหลาย
ดานไดแก อายุที่มากขึ้น การที่เคยบาดเจ็บที่ขอเขามากอน หรือ การใชงานขอเขามากเกินไปเปนตน
ดังนั้นไมวาจะมีน้ําหนักมากหรือนอยก็สามารถมีพฤติกรรมการปองกันโรคขอเขาเสื่อมไดจาก
พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองของแตละคน สอดคลองกับผลงานวิจัยของเสาวนีย สิงหา และ
คณะ(2558) ที่พบวาผูที่มีน้ําหนักตัวมากหรือนอยก็จะมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพไดเหมือนกัน
ระดับการศึกษา ไมมีความสัมพันธกับพฤติกรรมการปองกันโรคขอเขาเสื่อมของผูสูงอายุ
ในชุมชนบานทาบอ ตําบลแจระแม อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ผูวิจัยเห็นวา ไมวาจะมี
ระดับการศึกษาอยูในระดับใด ก็สามารถมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองไดอยางถูกตอง
ขึ้นอยูกับการแสวงหาความรูรอบตัวและแรงสนับสนุนจากคนรอบขาง ไมสอดคลองกับ
ผลงานวิจัยของยุวดี สารบูรณ (2557) ที่พบวาระดับการศึกษาอยูในระดับประถมศึกษาอาจสงผล
ตอการเรียนรูและการรับรูเกี่ยวกับโรคที่ไมถูกตองตลอดจนมีการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพในการ
ปองกันหรือดูแลตนเองเกี่ยวกับโรคที่ไมเหมาะสม
2. ความรูเกี่ยวกับโรคขอเขาเสื่อม มีความสัมพันธกับพฤติกรรมการปองกันโรคขอเขา
เสื่อมของผูสูงอายุในชุมชนบานทาบอ ตําบลแจระแม อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ผูวิจัย
เห็นวา การที่ประชาชนไมมีความรูในการดูแลหรือปองกันตนเองจากโรคขอเขาเสื่อมอยางถูกตอง
จะสงผลตอการเกิดโรคขอเขาเสื่อมโดยตรงเพราะถาไมมีความรูแลวก็จะดูแลตนเองไมถูกตอง
และเหมาะสม ทั้งในดานการปฏิบัติกิจวัตรประจําวัน ดานการรับประทานอาหาร ดังนั้นจะทําให