Page 25 - JRIHS_VOL1

20 Journal of Ratchathani Innovative Health Sciences : Vol.1 No.1 April-June 2017

ตามกลุ่มเพื่อนมากมีโอกาสที่จะติดเกมคอมพิวเตอร์เป็น 2.44 เท่าของเด็กที่มีการคล้อยตามกลุ่ม

เพื่อนน้อย กลุ่มตัวอย่างที่มีสัมพันธภาพในครอบครัวไม่ดีมีโอกาสที่จะติดเกมคอมพิวเตอร์มากขึ้น
0.56 เท่าของกลุ่มตัวอย่างที่มีสัมพันธภาพในครอบครัวดีและกลุ่มตัวอย่างที่มีความรู้สึกมีคุณค่า

ในตนเองต่ํามีโอกาสที่จะติดเกมคอมพิวเตอร์มากขึ้น 0.35 เท่าของกลุ่มตัวอย่างที่มีความรู้สึกมี
คุณค่าในตนเอง (ประกายเพชร สุภะเกษ, สุธรรม นันทมงคลชัย และมัณฑนา ดํารงศักดิ์, 2555)

ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรดูแล เอาใจใส่ในการใช้คอมพิวเตอร์ของเด็กอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ

การเล่นเกมออนไลน์ เพื่อป้องกันการติดเกม

การวินิจฉัยการติดเกม
เด็กติดเกม หมายถึง เด็กที่มีพฤติกรรมการเล่นเกมนานวันละ 3 ชั่วโมงขึ้นไป ติดต่อกัน

อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน และให้ความสนใจต่อเกมมากกว่าสิ่งอื่นๆ ไม่สนใจครอบครัว การ

เรียน การบ้าน กีฬา หรือสุขภาพของตนเอง (โสรัจจะ จันทร์แสงศรี, กนกพร กันทา และ ภูมิ

พิพิธ วณิชธรรม, 2553)

โดยมีลักษณะพฤติกรรมที่แสดงออกของการติดเกม (Kim et al., 2008; ชาญวิทย์ พร

นภดล และคณะ, 2557) ได้แก่
1. ลักษณะท่าทาง เช่น หงุดหงิด กังวล ไม่เป็นมิตร มักพูดโกหก หมกมุ่นอยู่กับการเล่น

เกมมากเกินไป ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เล่นในเวลาที่กําหนด (Griffiths& Hebert, 2002)
กระวนกระวายเมื่อไม่ได้เล่น ใช้เวลาในการเล่นนานขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถูกบังคับให้หยุดเล่น จะมี

พฤติกรรมต่อต้าน แสดงออกถึงความไม่พอใจ

2. ลักษณะทางกาย เช่น เล่นเกมจนไม่มีเวลาอาบน้ํา ร่างกายสกปรก แต่งตัวมอมแมม
ตาแดง ปวดหลัง ปวดข้อมือ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย (จิตริน ใจดี, 2557) รับประทานอาหารไม่ถูก

สุขลักษณะ ไม่ยอมรับประทานอาหารจนน้ําหนักลด หรือ รับประทานมากเกินไปจนน้ําหนักเพิ่ม
มีโภชนาการเกิน

3. พฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น แยกตัว ก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย โกหก ลักขโมย หลับใน

ห้องเรียน หลีกเลี่ยงการสบตากับผู้อื่น ไม่มีความเป็นมิตร แยกตัวออกจากสังคม เล่นเกมมากกว่า
20 ชั่วโมง/ ครั้ง

4. สัมฤทธิ์ผลในการเรียน เช่น แอบหนีออกจากบ้านเพื่อไปเล่นเกม ขาดเรียน ไม่ส่ง

การบ้าน หลับในห้องเรียน โต้แย้งกับครู ถูกพักการเรียน หรือถูกหักคะแนนความประพฤติ